โรงเรียนบ้านห้วยทรายขาว

หมู่ที่ 5 บ้านห้วยทรายขาว ตำบลตะปาน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84130

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

080-251-8955

ไวน์ มีประสิทธิภาพป้องกันโรคใดได้บ้าง

ไวน์

ไวน์ กระบวนการทำหมายถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ ซึ่งหมักจากองุ่น ไวน์มีสารอาหารมากกว่า 600ชนิด ซึ่งมีหน้าที่ในการป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือด ทำให้ผิวสวย และส่งเสริมการเผาผลาญ ปัจจุบันไวน์ ไม่เพียงแต่ใช้เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการแสวงหาคุณภาพชีวิตส่วนใหญ่ของผู้คนอีกด้วย

วิธีการทำ ไวน์ ใช้องุ่นสด น้ำตาลทรายขาว ภาชนะแก้ว ปิดผนึก ถุงกรอง ขั้นตอนในการทำ ตัดองุ่นจากที่ใกล้กับหัวขั้ว ระวังอย่าให้ผิวหนังเสียหาย ล้างและฆ่าเชื้อภาชนะแก้ว ด้วยน้ำร้อนและเช็ดให้แห้ง ล้างองุ่นสด นำองุ่นที่ปอกเปลือกและที่ร่วงแล้วออก แล้วตากให้แห้ง ใช้มือที่สะอาด ฉีกองุ่นเป็นชิ้นๆ ให้มากที่สุด แล้วใส่ลงในภาชนะแก้วที่มีผิวและเมล็ด แล้วเติมให้เต็ม7นาที หากมากเกินไป จะทำให้ล้นในระหว่างการหมัก ใส่น้ำตาลในปริมาณที่พอเหมาะ

แล้วคนให้เข้ากัน อัตราส่วนขององุ่นต่อน้ำตาลทรายขาวคือ 10ต่อ3 สำหรับผู้ที่ไม่ชอบหวานเกินไป สามารถเติมน้อยลงได้ ปิดฝาโดยไม่ให้แน่นเกินไป เพราะไวน์จะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในระหว่างการหมัก 20วันต่อมา มาร์คไวน์ หมักด้วยถุงกรองฆ่าเชื้อถูกกรองออก การกรองออกจากการหมักไวน์ ยังคงดำเนินต่อไป เพื่อปิดผนึก15-30วัน จะได้ไวน์ชั้นดี

ประสิทธิภาพและบทบาทของไวน์ ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด และเส้นเลือดในสมองตีบ โปรแอนโธไซยานิดินในไวน์ สามารถทำให้เส้นใยคอลลาเจนที่สร้างเป็นเยื่อต่างๆ มีเสถียรภาพยับยั้งฮิสทิดีนดี คาร์บอกซิเลส ลดการซึมผ่านของผนังหลอดเลือด และป้องกันภาวะหลอดเลือดอุดตัน ไวน์มีสารเรสเวอราทรอล ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว ยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด ลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ และลดการเกิดลิ่มเลือดในสมอง

ป้องกันและรักษานิ่วในไต นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันพบในงานวิจัยว่า การดื่มไวน์ในระดับปานกลาง สามารถป้องกันโรคนิ่วในไตได้ จากการสังเกตทางคลินิก 4-5ครั้งของผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง และผู้ป่วยกว่าล้านคน นักวิจัยพบว่า การดื่มกาแฟหนึ่งในสี่ลิตรทุกวัน จะไม่มีความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในไต มากกว่าคนที่ใช้ยาในระดับต่ำ10% การบริโภคชาดำหลากหลาย ลดลง14% และผู้ที่ดื่มไวน์ในปริมาณปานกลางเป็นประจำ มีโอกาสเป็นนิ่วในไตน้อยกว่าผู้ที่ไม่คุ้นเคยถึง36%

ความงามบำรุงและต่อต้านริ้วรอย ร่างกายมนุษย์สามารถดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นเช่น กรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุและอื่นๆ ในไวน์ได้โดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่อ่อนแอ การดื่มไวน์ในปริมาณปานกลางเป็นประจำ จะดีต่อการฟื้นฟูสุขภาพ สารสกัดในไวน์สามารถควบคุมริ้วรอยแห่งวัยได้ โดยเฉพาะไวน์มีส่วนผสมที่สร้างเม็ดสีแดง ซึ่งสามารถป้องกันความเสียหายของออกซิเจนที่ใช้งานอยู่ และทำให้ผิวสวยขึ้น

สารฟีนอลิก สามารถกำจัดและต้านอนุมูลอิสระของออกซิเจนได้ ดังนั้นจึงมีผลในการต่อต้านริ้วรอย และป้องกันโรคอย่างเห็นได้ชัด สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายผลิตขึ้น ปกป้องเซลล์และอวัยวะจากการเกิดออกซิเดชั่น หลีกเลี่ยงจุดด่างดำริ้วรอย และผิวที่หย่อนคล้อย และคืนความขาวใส และความมันวาวให้กับผิว

ต่อต้านมะเร็ง เรสเวอราทรอลที่มีอยู่ในผิวองุ่น สามารถป้องกันไม่ให้เซลล์ปกติ กลายเป็นมะเร็ง และยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ในบรรดาไวน์ต่างๆ ไวน์แดงมีสารเรสเวอราทรอลสูงที่สุด เนื่องจากเรสเวอราทรอล สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ ไวน์แดงจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี สำหรับการป้องกันมะเร็ง

ช่วยย่อยอาหาร สามารถกระตุ้นให้กรดในกระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อย และเพิ่มปริมาณน้ำย่อยที่เกิดขึ้น แทนนินที่มีอยู่ในไวน์ สามารถเพิ่มการหดตัวของเส้นใย กล้ามเนื้อเรียบในระบบกล้ามเนื้อลำไส้ และปรับการทำงานของลำไส้ใหญ่ มีผลต่ออาการลำไส้ใหญ่บวม

ลดน้ำหนัก ไวน์แต่ละลิตรมี 525แคลอรี่ ซึ่งเป็นเพียง1/15 ของแคลอรี่เฉลี่ยต่อวันที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ ในไวน์ประกอบด้วยน้ำ80% และสารอาหารที่หลากหลาย หลังจากดื่มไวน์แล้ว ร่างกายสามารถดูดซึมได้โดยตร งย่อยได้ภายใน4 ชั่วโมง หน่วยบริโภคโดยไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ไวน์แดง ยังสามารถยับยั้งการดูดซึมไขมัน ดังนั้นผู้ที่ดื่มไวน์แห้งเป็นประจำ ไม่เพียงแต่สามารถเสริมน้ำ และสารอาหารมากมายที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ แต่ยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย ปรับปรุงหน่วยความจำ การดื่มไวน์ในปริมาณที่พอเหมาะ สามารถส่งเสริมสมองให้ผลิตสารเคมีบางชนิด ที่สามารถส่งเสริมการสร้างความจำของเซลล์ประสาท และเพิ่มความจำและความสามารถในการเรียนรู้

ป้องกันและรักษาโรคหวัด ไวน์มีสารประกอบฟีนอลิก ซึ่งอาจทำให้ไวรัสหวัดธรรมดาบางตัว สูญเสียความมีชีวิตชีวา และทำให้เข้าสู่เซลล์ของมนุษย์ได้ยาก จึงป้องกันการเกิดหวัดได้ ประกอบด้วยเกลืออนินทรีย์หลายชนิด ไวน์มีเกลืออนินทรีย์หลายชนิด โพแทสเซียมสามารถป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจ และรักษาการเต้นของหัวใจ แคลเซียมสามารถทำให้เส้นประสาทสงบลงแมกนีเซียม เป็นปัจจัยป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือด และการขาดแมกนีเซียม อาจทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบได้ง่าย

อ่านต่อเพิ่มเติม  โรงเรียนบ้านห้วยทรายขาว